เมื่อสร้างรายงาน คุณสามารถจำกัดผลลัพธ์ของรายงานให้แคบลงตามผู้ลงโฆษณา คำสั่งซื้อ คีย์-ค่า และอื่นๆ โดยใช้ตัวกรอง ตัวกรองมิติข้อมูลบางตัวเช่น "คีย์-ค่า" และ "การกำหนดเป้าหมาย" จะใช้ได้ต่อเมื่อคุณเพิ่มมิติข้อมูลเดียวกันไว้ในรายงานก่อน
เพิ่มตัวกรองลงในรายงาน
- ลงชื่อเข้าใช้ Google Ad Manager
- คลิกการรายงาน
รายงาน
รายงานใหม่
- ตั้งค่ารายงานและเลือกมิติข้อมูลหรือเมตริกที่ต้องการใช้
ดูวิธีการโดยละเอียดได้ที่หัวข้อสร้างรายงานใหม่ - ข้าง
ให้คลิกเพิ่มตัวกรอง แล้วป้อนหรือเลือกตัวกรอง
- คลิกจัดทำเพื่อจัดทำรายงาน
กรองตามรายการต่างๆ
ใช้ "เป็นอะไรก็ได้ของ" หรือ "ที่ไม่ใช่ของ" เพื่อกรองตามรายการต่างๆ รายงานจะแสดงเฉพาะข้อมูลรายงานที่เชื่อมโยงกับรายการใดรายการหนึ่งที่ระบุไว้เท่านั้น หากต้องการกรองตามชุดรายการ ให้ป้อนรายการรหัสที่คั่นด้วยคอมมา
กรองตามครีเอทีฟโฆษณา
กรองตาม "รหัสชุดครีเอทีฟโฆษณา" โปรดทราบว่าคุณจะกรองโดยใช้ "รหัสครีเอทีฟโฆษณา" หรือ "รหัสชุดครีเอทีฟโฆษณา" ก็ได้ แต่จริงๆ แล้วรายงานที่ส่งออกจะบันทึกข้อมูล "รหัสชุดครีเอทีฟโฆษณา" ในคอลัมน์ "รหัสครีเอทีฟโฆษณา"
กรองตามสตริงย่อยด้วยโอเปอเรเตอร์บูลีน
ใช้ "มี" หรือ "ไม่มี" เพื่อแสดงเฉพาะข้อมูลรายงานที่เกี่ยวข้องกับรายการที่ตรงกับสตริงย่อยที่เชื่อมต่อโดยโอเปอเรเตอร์บูลีน AND
, OR
, NOT
และเครื่องหมายลบ (-
) โอเปอเรเตอร์ต้องเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด โดยใช้เครื่องหมายอัญประกาศคู่ (") สำหรับวลีที่ตรงกันทั้งหมด และใช้การเว้นวรรคอย่างระมัดระวัง หากไม่มีโอเปอเรเตอร์ที่ถูกต้องอยู่หลังเว้นวรรค ระบบจะตีความว่าเป็น AND
ข้อความในช่องตัวกรอง | การค้นหาที่ทำ |
---|---|
NOT "a" | NOT LIKE '%a%' |
"a" AND "b" | LIKE '%a%' AND LIKE '%b%' |
"a" OR "b" | LIKE '%a%' OR LIKE '%b%' |
"a" AND "b" AND "c" | LIKE '%a%' AND LIKE '%b%' AND LIKE '%c%' |
"a" "b" "c" | LIKE '%a%' AND LIKE '%b%' AND LIKE '%c%' |
พูดอีกอย่างคือหากคุณเลือกไม่มีสำหรับค่า "a" "b" "c" ระบบจะตีความเป็น NOT_LIKE("a") AND NOT_LIKE("b") AND NOT_LIKE("c")
แทนที่จะเป็น NOT_LIKE("a" AND "b" AND "c")
สิ่งที่ควรพิจารณาเป็นพิเศษ
หน่วยโฆษณา
คุณสามารถกรองมิติข้อมูล "หน่วยโฆษณา" โดยไม่เพิ่มมิติข้อมูลหน่วยโฆษณาได้ แต่จะใช้ได้เฉพาะตัวกรอง "มี" กับหน่วยโฆษณาระดับบนสุด ในการใช้โอเปอเรเตอร์ OR
ในตัวกรอง "หน่วยโฆษณา" ให้เพิ่ม "หน่วยโฆษณา" เป็นมิติข้อมูลโดยเลือก "ระดับบนสุด" ไว้
เมื่อกรองมิติข้อมูล "หน่วยโฆษณา" คุณจะเลือกแสดงหน่วยโฆษณาย่อยไว้ในผลรวมได้
- หากเลือกหน่วยโฆษณา (แสดงหน่วยโฆษณาย่อย) ระบบจะแสดงเป็นค่ามิติข้อมูลแยกต่างหากสำหรับมิติข้อมูลหน่วยโฆษณา (ทุกระดับ)
- หากเลือกหน่วยโฆษณา (ซ่อนหน่วยโฆษณาย่อย) ระบบจะยังคงนับหน่วยโฆษณาเหล่านั้นเมื่อมีการเลือกมิติข้อมูลหน่วยโฆษณา (ระดับบนสุด) แต่จะไม่แสดง
เหตุใดจำนวนการแสดงผลจึงหายไปเมื่อใช้ตัวกรองหน่วยโฆษณา (ซ่อนหน่วยโฆษณาย่อย)
- แถวสําหรับหน่วยโฆษณา (ระดับบนสุด) จะรวมจำนวนการแสดงผลสําหรับหน่วยโฆษณาย่อยเสมอ รวมถึงการแสดงผลโดยตรง ไม่ว่าตัวกรองจะเป็นประเภทใดก็ตาม
- แถวของหน่วยโฆษณา (ทุกระดับ) จะไม่รวมจำนวนการแสดงผลสำหรับหน่วยโฆษณาย่อย โดยจะแสดงจำนวนการแสดงผลโดยตรงไปยังหน่วยโฆษณานั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวกรองประเภทใดก็ตาม
- ตัวกรองจะมีผลกับแถวที่แสดงเท่านั้น และมีผลกับหน่วยโฆษณาแต่ละประเภท (ด้านบน) แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นลักษณะการทํางานที่สอดคล้องกันของตัวกรอง
ในทุกกรณี แถวยอดรวมจะแสดงจำนวนรวมการแสดงผลของแถวทั้งหมด (และเฉพาะ) ที่แสดงในรายงาน กรณีดังกล่าวข้างต้นไม่ควรจะมีกรณีใดที่ส่งผลให้ผลรวมของจำนวนการแสดงผลที่แสดงในแต่ละแถวต่างจากยอดรวมที่แสดงในตอนท้ายของรายงาน
ในโหมด "รายงานตามลําดับชั้น" (กับทุกระดับ) แถวหน่วยโฆษณาหลักจะแยกออกเป็น "(รวม)" และ "(เฉพาะ)" เพื่อระบุยอดรวมของส่วน แถวที่เป็นโหนดใบสําหรับหน่วยโฆษณาแต่ละหน่วย และแถว "(เฉพาะ)" จะไม่มีการแสดงผลสําหรับหน่วยโฆษณาย่อย
คีย์-ค่า
รวมมิติข้อมูล "คีย์-ค่า" เพื่อกรองตามคีย์-ค่า รายงานคีย์-ค่าอาจมีขนาดใหญ่มาก เราจึงแนะนำให้คุณเรียกใช้รายงานเพียงวันเดียวหรือ 1 เดือนเต็ม ลองใช้การแสดงผลที่กำหนดเป้าหมายทั้งหมดแทนจำนวนการแสดงผลทั้งหมด ซึ่งจะดึงแถวข้อมูลออกมาน้อยกว่า
การกำหนดเป้าหมาย
การกรองตามการกำหนดเป้าหมายจะใช้ได้ต่อเมื่อคุณรวมมิติข้อมูลการกำหนดเป้าหมายแล้วเท่านั้น หากเพิ่มตัวกรองการกำหนดเป้าหมายโดยไม่มีมิติข้อมูลการกำหนดเป้าหมาย คุณอาจเห็นผลลัพธ์ทับซ้อนกัน
ดีล
เมื่อกรองตาม "รหัสดีล" หรือ "ชื่อดีล" รายการตัวเลือกการกรองจะแสดงเฉพาะดีลที่มีคำขอที่ตรงกันซึ่งลงทะเบียนไว้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเท่านั้น และยังใช้ _มี_ หรือ _ไม่มี_ เพื่อจำกัดผลลัพธ์ให้แคบลงได้ด้วย
ฟิลด์ที่กำหนดเอง
สำหรับการกรองช่องที่กำหนดเอง ประเภทของตัวกรองจะแตกต่างกันไปตามประเภทของช่อง
- ช่องแบบข้อความจะมีค่าเริ่มต้นเป็นประเภท "มี"
- ช่องแบบเลื่อนลงหรือแบบสลับจะมีค่าเริ่มต้นเป็นประเภท "เป็นอะไรก็ได้ของ"
- ช่องแบบตัวเลขจะมีค่าเริ่มต้นเป็นประเภท "ระหว่าง"