วิธีกำหนดอัตราการแสดงรายการโฆษณา

การกำหนดอัตราการแสดงโฆษณาคืออัตราที่ Ad Manager แสดงผลรายการโฆษณา Ad Manager กระจายการแสดงผลโฆษณาโดยอิงตามการตั้งค่า "การแสดงผล" ของรายการโฆษณาและกฎการกำหนดอัตราการแสดงโฆษณาของ Ad Manager ที่พยายามเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงโฆษณา บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับผลกระทบของการตั้งค่ารายการโฆษณาและกฎการกำหนดอัตราการแสดงโฆษณาของ Ad Manager ที่มีต่อการแสดงผลโฆษณา

กฎทั่วไปในการกำหนดอัตราการแสดงโฆษณา

เมื่อรายการโฆษณาเริ่มทำงาน Ad Manager จะกำหนดอัตราการแสดงโฆษณาของรายการโฆษณาเพื่อดูแลให้เป็นไปตามเป้าหมาย การกำหนดอัตราการแสดงโฆษณาจะเป็นไปตามการตั้งค่า "การแสดงผล" ของรายการโฆษณา ซึ่งให้คุณระบุจำนวนการแสดงผลตลอดอายุของรายการโฆษณา

สำหรับรายการโฆษณาที่ตั้งค่า "การแสดงผล" เป็นเน้นระยะแรกหรือสม่ำเสมอ Ad Manager จะหารจำนวนการแสดงผลที่จองไว้สำหรับรายการโฆษณาหนึ่งๆ ด้วยจำนวนวันที่กำหนดให้รายการโฆษณาแสดง

การกำหนดรูปแบบการเข้าชมที่คาดหวัง

"การกำหนดรูปแบบการเข้าชมที่คาดหวัง" คือฟีเจอร์ระดับเครือข่ายซึ่งใช้รูปแบบการเข้าชมที่ผ่านมาในเว็บไซต์ของคุณเพื่อคาดการณ์แนวโน้มการเข้าชมและกำหนดอัตราการแสดงโฆษณาตามแนวโน้มดังกล่าว หากไม่แน่ใจว่าฟีเจอร์นี้เปิดใช้ในเครือข่ายของคุณหรือยัง โปรดสอบถามผู้ดูแลระบบ Ad Manager หรือติดต่อทีมสนับสนุนของ Google

"การกำหนดรูปแบบการเข้าชมที่คาดหวัง" ช่วยให้ Ad Manager แสดงโฆษณาได้อย่างราบรื่นเมื่อเทียบกับความผันผวนตามธรรมชาติของการเข้าชมบนเว็บไซต์ของคุณ "การกำหนดรูปแบบการเข้าชมที่คาดหวัง" จะวิเคราะห์การเข้าชมโดยใช้ 2 วิธีดังนี้

1. รายการโฆษณาที่ทำงานไม่ถึง 2 สัปดาห์: ค่าเฉลี่ยของภาพรวมรูปแบบการเข้าชมที่ผ่านมาของเครือข่ายจะกำหนดว่าควรแสดงผลโฆษณามากขึ้นหรือน้อยลงเมื่อใด
2. รายการโฆษณาที่ทำงาน 2 สัปดาห์ขึ้นไป: รูปแบบการเข้าชมเฉพาะของพื้นที่โฆษณาที่รายการโฆษณากำหนดเป้าหมายจะกำหนดว่าควรแสดงผลโฆษณามากขึ้นหรือน้อยลงเมื่อใด

การกระจายการแสดงผลล่วงหน้า

Ad Manager จะแสดงผลล่วงหน้ามากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าการแสดงโฆษณาจะไม่ต่ำกว่าเป้าหมายของรายการโฆษณาเนื่องจากไม่มีพื้นที่โฆษณาเมื่อใกล้สิ้นสุดแคมเปญ การตั้งค่า "การแสดงผล" ควบคุมว่าเราจะเพิ่มเป้าหมายในเชิงรุกได้ในระดับใดในช่วงแรกเริ่ม เน้นระยะแรกจะแสดงรายการโฆษณาในเชิงรุกมากขึ้นในช่วงเริ่มต้นแคมเปญ สม่ำเสมอจะแสดงโฆษณาในเชิงรุกน้อยลง

ตัวอย่าง การแสดงโฆษณาแบบเน้นระยะแรก

เป้าหมายแคมเปญที่มีการแสดงผล 10,000 ครั้ง (1,000 ครั้งต่อวัน) ในช่วงเวลา 10 วันซึ่งตั้งค่าเป็นเน้นระยะแรกทำให้เซิร์ฟเวอร์โฆษณากำหนดเป้าหมายการแสดงผลเป็น 1,400 ครั้ง (1.4 เท่าของเป้าหมาย) ในวันแรกเท่านั้น 

ในวันที่ 2 ระบบจะนำพารามิเตอร์ 40% ไปใช้กับจำนวนการแสดงผลที่เหลือ โดยหารด้วยจำนวนวันที่เหลือ พารามิเตอร์นี้จะรีเซ็ตทุกวันจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ดูเส้นสีเขียวเข้มในภาพประกอบ 1 ด้านล่าง

ตัวอย่างการแสดงโฆษณาแบบสม่ำเสมอ

เป้าหมายแคมเปญที่มีการแสดงผล 10,000 ครั้ง (1,000 ครั้งต่อวัน) ในช่วงเวลา 10 วันซึ่งตั้งค่าเป็นสม่ำเสมอทำให้เซิร์ฟเวอร์โฆษณากำหนดเป้าหมายการแสดงผลเป็น 1,050 ครั้ง (1.05 เท่าของเป้าหมาย) ในวันแรก 

ในวันที่ 2 พารามิเตอร์ 5% จะรีเซ็ตด้วยจำนวนการแสดงผลที่เหลืออยู่หารด้วยจำนวนวันที่เหลือ พารามิเตอร์นี้จะรีเซ็ตทุกวันจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ดูเส้นสีเขียวอ่อนในภาพประกอบ 1 ด้านล่าง

เมื่อใช้การแสดงโฆษณาแบบเน้นระยะแรกและแบบสม่ำเสมอ จำนวนการแสดงผลจะลดลงเล็กน้อยในแต่ละวันที่แคมเปญทำงาน รายการโฆษณาที่ตั้งค่าเป็นเน้นระยะแรกจะเห็นได้ชัดกว่า ในขณะที่รายการโฆษณาที่ตั้งค่าเป็นสม่ำเสมอจะเห็นไม่ชัดเท่าดังที่แสดงในภาพประกอบด้านล่าง

การกำหนดเป้าหมายการแสดงโฆษณาแบบเน้นระยะแรก 40% ในแต่ละวันจะทำให้มีการแสดงผลมากขึ้นเมื่อเริ่มต้นแคมเปญและน้อยลงในตอนท้าย ในตัวอย่างนี้ ประมาณ 63% ของเป้าหมายรวมของรายการโฆษณาจะแสดงในช่วงครึ่งแรกของแคมเปญ

โปรดดูเป้าหมายการแสดงโฆษณาเมื่อใช้การแสดงโฆษณาแบบสม่ำเสมอกับตัวอย่างที่ใช้อยู่จากแผนภูมิด้านล่าง

ดูภาพประกอบ: การแสดงโฆษณาแบบสม่ำเสมอ

1. การแสดงโฆษณาแบบสม่ำเสมอพร้อมการคาดการณ์ (เน้นระยะแรก 5%)
2. การแสดงโฆษณาที่คาดการณ์

_{กราฟด้านบนแสดงบัญชีที่มีการใช้งานฟีเจอร์การกำหนดรูปแบบการเข้าชมที่คาดหวัง โปรดติดต่อผู้จัดการฝ่ายดูแลลูกค้าเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม}

การแสดงโฆษณาจะรวมรูปแบบการเข้าชมเข้ากับปัจจัยการแสดงโฆษณาแบบเน้นระยะแรกที่เกี่ยวข้องซึ่งเปิดใช้สำหรับเครือข่ายของคุณ

การเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป

เมื่อเวลาผ่านไป Ad Manager จะต้องปรับเป้าหมายรายการโฆษณาของคุณตามจำนวนจริงของการแสดงผลที่เกิดขึ้น เป้าหมายที่คำนวณในช่วงเริ่มต้น ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น จะใช้ได้เฉพาะเมื่อเซิร์ฟเวอร์แสดงโฆษณาได้ตามเป้าหมายในทุกชั่วโมงเท่านั้น

อ่านแต่ละขั้นตอนด้านล่างเพื่อดูการคำนวณที่จะได้รับการอัปเดตและปรับเปลี่ยนตลอดช่วงการแสดงโฆษณา

1. ดัชนีความพึงพอใจ

Ad Manager จะคํานวณดัชนีความพึงพอใจ (SI) เพื่อวัดว่ารายการโฆษณาทำงานเร็วหรือช้ากว่ากำหนดการมากน้อยเพียงใด กล่าวคือ SI จะวัดประสิทธิภาพของรายการโฆษณา ณ วันนี้โดยสัมพันธ์กับเป้าหมายที่เซิร์ฟเวอร์โฆษณาตั้งไว้ จากนั้นจะมีการใช้ SI ในระหว่างกระบวนการเลือกรายการโฆษณาเพื่อเลือกรายการโฆษณาที่แสดงช้ากว่ากำหนดการให้แสดงบ่อยขึ้น หากคุณไม่คุ้นเคยกับ SI และวิธีใช้ SI ในกระบวนการเลือกรายการโฆษณา โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมในเอกสารประกอบเรื่องการเลือกโฆษณา

2. เกณฑ์มาตรฐานของ SI

Ad Manager จะตั้งค่าเกณฑ์มาตรฐานที่แตกต่างกันให้กับรายการโฆษณาแต่ละรายการแทนที่จะเลือกรายการโฆษณาตาม SI โดยตรง SI ของรายการโฆษณาจะต้องเกินเกณฑ์มาตรฐานนี้เพื่อให้เซิร์ฟเวอร์โฆษณาเลือกรายการโฆษณานั้นจากรายการโฆษณาทั้งหมดที่ยอมรับคำขอของเซิร์ฟเวอร์โฆษณาดังกล่าว เกณฑ์นี้จะคํานวณอย่างน้อยทุกๆ 10 นาที และควบคุมโดยตัวควบคุมการแสดงโฆษณา

ตัวควบคุมการแสดงโฆษณาจะพยายามทำให้รายการโฆษณาตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมการทำงานของรายการโฆษณานั้นเอง เช่น การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดซึ่งเกิดขึ้นกับระดับการเข้าชมเว็บไซต์ โดยตัวควบคุมการแสดงโฆษณาจะใช้แนวทางการดำเนินการระยะยาวมากขึ้นแทนที่จะลดเกณฑ์ลงอย่างมากทุกๆ ครั้งที่ SI เริ่มลดลง เมื่อกำหนดเกณฑ์มาตรฐาน ตัวควบคุมการแสดงโฆษณาจะพิจารณาระยะห่างระหว่างรายการโฆษณากับ SI ที่เหมาะสม และระยะเวลาที่รายการโฆษณาเหลืออยู่เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ผลกระทบโดยรวมก็คือรายการโฆษณาจะได้รับการแสดงผลในแบบสม่ำเสมอมากกว่าที่เกิดขึ้นในเซิร์ฟเวอร์โฆษณา

เนื่องจากการปรับตัวควบคุมการแสดงโฆษณาจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป การแก้ไขอย่างเต็มที่สำหรับรายการโฆษณาที่แสดงก่อนหรือช้ากว่ากำหนดการจึงอาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง แม้ว่านี่อาจดูเหมือนผิดปกติในช่วงสั้นๆ แต่ก็จะช่วยปรับปรุงการแสดงผลตลอดอายุของรายการโฆษณาได้อย่างมาก

3. การคำนวณเป้าหมายการแสดงโฆษณาใหม่

โดยปกติแล้ว Ad Manager จะคำนวณเป้าหมายการแสดงโฆษณารายวันและรายชั่วโมงใหม่โดยใช้กระบวนการเดียวกันกับที่ได้ระบุไว้สำหรับรายการโฆษณาใหม่ข้างต้น แต่จะใช้ข้อมูลที่มีการอัปเดตแทน ระบบจะจัดสรรการแสดงผลตามการแสดงผลทั้งหมดที่เหลืออยู่และเวลาทั้งหมดที่เหลืออยู่ในแคมเปญของรายการโฆษณา เป้าหมายการแสดงโฆษณาในอนาคตจะมีการอัปเดตบ่อยและทุกครั้งที่มีการแก้ไขลักษณะของรายการโฆษณาที่ส่งผลต่อการจัดงบประมาณหรือการกำหนดอัตราการแสดงโฆษณา เช่น จำนวนเงินงบประมาณ หรือเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุด

นอกจากนี้ คุณสามารถเปิดใช้งานการแสดงโฆษณาให้ทันแบบเชิงรุกได้ เมื่อเปิดใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวแล้ว หากมีการแสดงรายการโฆษณาช้ากว่ากําหนดหรือมีการหยุดชั่วคราวเป็นระยะเวลาหนึ่ง Ad Manager จะพยายามชดเชยการแสดงผลที่ขาดหายไปในช่วง 24 ชั่วโมงต่อมา แล้วจึงส่งมอบการแสดงผลที่เหลืออย่างสม่ำเสมอในช่วงวันที่เหลืออยู่ (ในกรณีที่มีการตั้งค่าให้แสดงรายการโฆษณาดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ) โปรดติดต่อผู้จัดการฝ่ายดูแลลูกค้าหากมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับฟีเจอร์นี้

ตัวอย่างเช่น รายการโฆษณามีเป้าหมายการแสดงผล 100,000 ครั้งใน 10 วัน รายการโฆษณาแสดงผลตามเป้าหมาย 10,000 ครั้งในแต่ละวันของ 2 วันแรก แล้วหยุดชั่วคราวเป็นเวลา 4 วัน ในวันที่ 7 รายการโฆษณาเริ่มแสดงผลใหม่ ซึ่งยังต้องแสดงอีก 80,000 ครั้ง Ad Manager จะพยายามแสดงผลประมาณ 50,000 ครั้งในวันที่ 7 หรือ 10,000 ครั้งสำหรับแต่ละวันที่รายการโฆษณาถูกหยุดชั่วคราว รวมกับการแสดงผล 10,000 ครั้งของวันนั้น (เนื่องจากการแสดงแบบเน้นระยะแรก 5% ที่ใช้กับรายการโฆษณาที่ตั้งค่าให้กระจายการแสดงผลให้เท่าๆ กัน เป้าหมายการแสดงผลจริงสำหรับแต่ละวันจึงแตกต่างกัน)

4. อัปเดตตามการกำหนดรูปแบบการเข้าชมที่คาดหวังในการกำหนดอัตราการแสดงโฆษณา

หากเครือข่ายของคุณได้รับอนุญาตให้กำหนดอัตราการแสดงโฆษณาตามการเข้าชมที่คาดหวัง (ดูที่ส่วนด้านบน) เซิร์ฟเวอร์โฆษณาจะใช้ผลที่ได้จากรูปแบบการแสดงโฆษณาที่ผ่านมาเพื่อกำหนดจำนวนครั้งที่จะแสดงรายการโฆษณาในกรอบเวลาที่กำหนด

สำหรับเครือข่ายที่เปิดให้กำหนดอัตราการแสดงโฆษณาตามการเข้าชมที่คาดหวัง ตัวบ่งชี้ว่าเป็นไปตามกำหนดเวลา (OSI) จะนำเป้าหมายของเซิร์ฟเวอร์โฆษณาที่มีการกำหนดรูปแบบการเข้าชมมาพิจารณาและจะแสดงการวัดค่าสถานะการแสดงโฆษณาที่แม่นยำยิ่งขึ้น อย่าลืมตรวจดูการคาดการณ์เกี่ยวกับรายการโฆษณาทุกครั้งก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ กับการแสดงโฆษณา

หากคุณเพิ่งสร้างเครือข่าย Ad Manager เมื่อเร็วๆ นี้ โปรดรออย่างน้อย 1 เดือนก่อนขอให้เปิดใช้ฟีเจอร์นี้

5. ลักษณะการทำงานตอนท้ายของแคมเปญ

ในชั่วโมงท้ายๆ ของรายการโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายตายตัวที่ยังทำงานไม่ถึงเป้าหมาย Ad Manager จะเริ่มปรับการแสดงโฆษณาเพื่อให้มั่นใจว่าแคมเปญจะทำงานได้ตามเป้าหมาย ในชั่วโมงสุดท้าย รายการโฆษณาที่ยังต้องแสดงผลจะทำงานเสมือนว่ามีการกำหนดให้แสดงเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

หากแคมเปญทำงานช้ากว่ากำหนด อาจมีการแสดงโฆษณาก่อนแคมเปญที่มีลำดับความสำคัญสูงที่เริ่มแสดงโฆษณาเมื่อเร็วๆ นี้และคาดว่าจะมีการแสดงโฆษณาทั้งหมด