บัญชีนักพัฒนาแอป Google Play ทั้งหมดต้องมีข้อมูลติดต่อที่ยืนยันแล้ว (อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์) ขั้นตอนการยืนยันเหล่านี้มีไว้เพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลติดต่อที่เรามีอยู่นั้นถูกต้องและเป็นข้อมูลล่าสุด ในขั้นตอนการยืนยันดังกล่าว เราจะเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมจากนักพัฒนาแอปขณะที่สร้างบัญชีนักพัฒนาแอป Google Play ด้วย
เลือกประเภทบัญชี
Google Play มีบัญชีนักพัฒนาแอป 2 ประเภท ได้แก่ บัญชีส่วนบุคคลและบัญชีขององค์กร บัญชีส่วนบุคคลและบัญชีขององค์กรมีสิทธิ์เข้าถึงฟังก์ชันการทำงานเดียวกันและสามารถสร้างรายได้ใน Google Play โดยใช้โปรไฟล์การชำระเงิน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือข้อมูลที่เรารวบรวมจากคุณเมื่อตั้งค่าบัญชี คุณเปลี่ยนประเภทบัญชีได้หากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง
บัญชีนักพัฒนาแอปสําหรับการใช้งานส่วนบุคคลเลือกบัญชีส่วนบุคคลหากบัญชีของคุณเป็นบัญชีสำหรับใช้ส่วนตัว เช่น คุณเป็นนักเรียน สนใจเป็นงานอดิเรก หรือเป็นนักพัฒนาแอปกึ่งอาชีพ คุณจะยังคงสร้างรายได้จาก Google Play และเชิญผู้อื่นให้เข้าร่วมบัญชีได้
ผู้ที่มีบัญชีส่วนบุคคลต้องระบุข้อมูลต่อไปนี้
- ชื่อนักพัฒนาแอปที่เป็นสาธารณะ (อาจแตกต่างจากชื่อตามกฎหมายของคุณ)
- ชื่อตามกฎหมาย
- ที่อยู่ตามกฎหมาย
- อีเมลสำหรับติดต่อเพื่อให้ Google ติดต่อคุณ (ต้องได้รับการยืนยัน)
- หมายเลขโทรศัพท์สำหรับติดต่อเพื่อให้ Google ติดต่อคุณ (ต้องได้รับการยืนยัน)
- อีเมลของนักพัฒนาแอปที่แสดงเป็นส่วนหนึ่งของโปรไฟล์นักพัฒนาแอปใน Google Play
- เว็บไซต์ของนักพัฒนาแอป
เลือกบัญชีขององค์กรหากคุณกําลังสร้างบัญชีให้กับองค์กรหรือธุรกิจ เช่น คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม วิชาชีพ หรือเกี่ยวข้องกับรัฐบาล
คุณควรเลือกบัญชีขององค์กรหากให้บริการใดๆ ต่อไปนี้
- ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการธนาคาร สินเชื่อ การซื้อขายหุ้น กองทุนเพื่อการลงทุน กระเป๋าเงินซอฟต์แวร์คริปโตเคอเรนซี และการซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายบริการทางการเงิน
- แอปสุขภาพ เช่น แอปการแพทย์และแอปการวิจัยในมนุษย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมวดหมู่แอปสุขภาพ
- แอปที่ได้รับอนุมัติให้ใช้คลาส VpnService ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายบริการ VPN
- แอปของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงแอปที่พัฒนาขึ้นโดยหรือในนามของหน่วยงานรัฐบาล ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดสำหรับแอปที่สื่อสารข้อมูลจากรัฐบาล
ผู้ที่มีบัญชีขององค์กรต้องระบุข้อมูลต่อไปนี้
- ชื่อนักพัฒนาแอปที่เป็นสาธารณะ (อาจแตกต่างจากชื่อตามกฎหมายของคุณ)
- ข้อมูลต่อไปนี้ตามโปรไฟล์ Google Payments ที่ลิงก์ไว้
- หมายเลข D-U-N-S
- ชื่อองค์กร
- ที่อยู่ขององค์กร
- หมายเลขโทรศัพท์ขององค์กร
- เว็บไซต์ขององค์กร
- ชื่อผู้ติดต่อ
- อีเมลสำหรับติดต่อเพื่อให้ Google ติดต่อคุณ (ต้องได้รับการยืนยัน)
- หมายเลขโทรศัพท์สำหรับติดต่อเพื่อให้ Google ติดต่อคุณ (ต้องได้รับการยืนยัน)
- อีเมลของนักพัฒนาแอปที่แสดงเป็นส่วนหนึ่งของโปรไฟล์นักพัฒนาแอปใน Google Play
- หมายเลขโทรศัพท์ของนักพัฒนาแอปที่แสดงเป็นส่วนหนึ่งของโปรไฟล์นักพัฒนาแอปใน Google Play
ระยะเวลาในการเลือกประเภทบัญชีโดยสมัครใจ
ในช่วงแรก คุณจะเลือกประเภทบัญชีหรือไม่ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2021 (วันที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง) เจ้าของบัญชีนักพัฒนาแอปที่อัปเดตอีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์จะต้องเลือกประเภทบัญชีและให้ข้อมูลสำหรับประเภทบัญชีที่เลือก เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้นักพัฒนาแอปเลือกประเภทบัญชีโดยสมัครใจก่อนที่จะมีการกำหนดให้ระบุข้อมูลนี้ หากคุณไม่ให้ข้อมูลนี้เมื่อถึงกำหนดที่ต้องระบุ เราอาจบล็อกไม่ให้ใช้ Play Console
เมื่ออัปเดตรายละเอียดบัญชีนักพัฒนาแอปและยืนยันข้อมูลติดต่อ ให้พิจารณาว่าข้อมูลติดต่อใดเหมาะสำหรับสถานการณ์ของคุณที่สุด
แนวทางปฏิบัติแนะนำเกี่ยวกับข้อมูลติดต่อ
- อย่าลืมอัปเดตข้อมูลติดต่ออยู่เสมอเนื่องจากเป็นช่องทางที่ Google จะแจ้งข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบัญชีนักพัฒนาแอป Google Play
- เราอาจตรวจสอบเป็นครั้งคราวว่าบัญชีมีการใช้งานหรือไม่ด้วยการส่งอีเมลหรือโทรหาเจ้าของบัญชีโดยใช้รายละเอียดที่คุณให้ไว้ รายละเอียดเหล่านี้จึงจำเป็นต้องมีความถูกต้อง
- พิจารณาใช้อีเมลสำหรับติดต่อคนละอีเมลกับที่ใช้สร้างบัญชีนักพัฒนาแอป Google Play โดยเฉพาะในกรณีที่บัญชีนักพัฒนาแอปจะมีผู้ใช้หลายคน หรือสร้างไว้สำหรับองค์กรหรือธุรกิจ คุณอาจต้องพิจารณาสร้างกล่องจดหมายที่ใช้ร่วมกันสำหรับวัตถุประสงค์นี้โดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องภายในทีมหรือองค์กรเข้าถึงข้อความสำคัญเหล่านี้ได้
- อีเมลติดต่อสำหรับบัญชีขององค์กรหรือธุรกิจไม่ควรเป็นอีเมลทั่วไปหรืออีเมลส่วนตัว โปรดใช้อีเมลที่เชื่อมโยงกับองค์กร