เคล็ดลับการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ Performance Max ด้วยฟีด Google Merchant Center

Performance Max ใช้ AI ของ Google เพื่อช่วยให้ได้ Conversion มากขึ้นและเพิ่มมูลค่าจากแคมเปญผ่านการเสนอราคา การกําหนดเป้าหมาย ครีเอทีฟโฆษณา และการระบุแหล่งที่มา แคมเปญประเภทนี้สร้างขึ้นเพื่อทํางานกับเป้าหมายทางการตลาดและช่องทางสื่อที่หลากหลาย

บทความนี้จะอธิบายวิธีที่ดีที่สุดในการใช้แคมเปญ Performance Max ที่มีเป้าหมายเป็นยอดขายออนไลน์ ยอดขายในร้าน หรือยอดขายจากทุกช่องทางขณะใช้แหล่งข้อมูล Merchant Center เราขอแนะนําให้ทําตามเคล็ดลับด้านล่างเพื่อสร้างแคมเปญ Performance Max ให้ประสบความสําเร็จ

ในหน้านี้


 

House icon

วางรากฐานให้แคมเปญ Performance Max

สร้างแคมเปญ
  • ระยะเวลาแคมเปญ: ใช้งานแคมเปญอย่างน้อย 6 สัปดาห์ ซึ่งจะทำให้ AI ของ Google มีเวลาเพียงพอในการเริ่มต้นและรวบรวมข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพ
  • สัญญาณของกลุ่มเป้าหมาย: แคมเปญ Performance Max ทำงานด้วยระบบ AI ของ Google ใช้รายการกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องเป็นสัญญาณเพื่อช่วยให้ AI ของ Google เรียนรู้ได้เร็วขึ้นและปรับปรุงผลลัพธ์ของแคมเปญ คุณสามารถใช้รายการรีมาร์เก็ตติ้ง รายการความตั้งใจที่กำหนดเอง การจับคู่ข้อมูลลูกค้า (รายชื่อลูกค้าของคุณเอง) และกลุ่มที่คล้ายกันเป็นสัญญาณ
ปรับปรุงฟีดข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อช่วยให้โฆษณาโดดเด่น
  • อัปโหลดรูปภาพและคำอธิบายผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์ รวมถึงอัปเดตราคาผลิตภัณฑ์และความพร้อมจําหน่ายหากมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง
    • หมายเหตุ: เพิ่มรูปภาพที่มีความละเอียด 500 x 500 พิกเซลขึ้นไปลงในแคตตาล็อก Google Merchant Center เพื่อแสดงฟีดผลิตภัณฑ์บนทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (CTV) สำหรับโฆษณา YouTube Shopping
  • ตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ที่แสดงในรายการได้รับอนุมัติ และใช้คอลัมน์ปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพื่อระบุแอตทริบิวต์ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ขาดหายไปหรือมองหาข้อเสนอที่มีประสิทธิภาพต่ำ
  • เพิ่มฟีดข้อมูลผลิตภัณฑ์ในร้านเพื่อเปิดใช้โฆษณาสินค้าคงคลังในร้านโดยอัตโนมัติเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์และโปรโมชันที่มีในร้านค้า
  • คุณยังสามารถใช้ฟีดข้อมูลผลิตภัณฑ์เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคมาที่โฆษณาด้วยดีลได้โดยการสร้างโปรโมชันหรือคำอธิบายประกอบราคาที่ต่ำลง สร้างคําอธิบายประกอบการจัดส่งฟรีและรวดเร็วเพื่อแสดงว่าคุณจัดส่งอย่างรวดเร็ว และใช้คําอธิบายประกอบการคืนสินค้าเพื่อไฮไลต์ระยะเวลาที่รับคืนสินค้า เช่น "คืนสินค้าฟรีภายใน 90 วัน"
  • พิจารณาใส่ป้ายกำกับที่กำหนดเองในฟีดข้อมูลผลิตภัณฑ์เพื่อบ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์มีลําดับความสําคัญสูง เช่น "ขายดี" "มาแรง" หรือ "ผลิตภัณฑ์ช่วงเทศกาล" จากนั้นก็อาจใช้ป้ายกํากับดังกล่าวเพื่อแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกเป็นแคมเปญหรือกลุ่มชิ้นงานแยกกันได้หากต้องการ
ขยายธุรกิจให้เติบโตด้วยการวัดผลที่ดีขึ้น
  • ตั้งค่าแท็ก Google ที่มีประสิทธิภาพทั่วทั้งเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยในการรวบรวมข้อมูลที่สําคัญที่สุดสําหรับธุรกิจ
  • ตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว ซึ่งจะทำให้เครื่องมือวัด Conversion แม่นยํายิ่งขึ้นและช่วยให้คุณใช้กลยุทธ์การเสนอราคาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
  • กําหนดมูลค่าการเข้าชมร้านค้าหรือใช้มูลค่ายอดขายในร้าน ซึ่งจะช่วยในการวัดทั้งเส้นทางการซื้อและปรับปรุงแคมเปญเพื่อให้ได้การซื้อในร้านมากขึ้น นอกจากนี้ คุณยังสามารถสร้างตัวแปรที่กําหนดเองสําหรับยอดขายในร้าน ซึ่งจะช่วยให้ดูรายงานที่ละเอียดยิ่งขึ้นตามกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าหรือหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ได้ด้วย
  • หากคุณมีแอป ก็สามารถช่วยให้ผู้ใช้ไปยังแอปจากเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้นโดยใช้ Web to App Connect ทั้งยังตั้งค่า Deep Link เพื่อส่งผู้ใช้ไปยังหน้าที่ถูกต้องในแอปได้โดยตรงเมื่อผู้ใช้แตะโฆษณาในเว็บบนมือถือ นอกจากนี้ คุณยังวัดสิ่งที่เกิดขึ้นในแอปได้ด้วย เช่น การซื้อและการลงชื่อสมัครใช้ ซึ่งจะช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญ
แชร์มูลค่า Conversion เพื่อให้การเพิ่มประสิทธิภาพและการรายงานดีขึ้น
  • เมื่อใช้เครื่องมือวัด Conversion คุณสามารถกำหนดมูลค่าเดียวกันให้กับ Conversion ทุกรายการ หรือจะให้ Conversion แต่ละรายการมีมูลค่าที่ต่างกันก็ได้ สําหรับผู้ค้าปลีก เราขอแนะนําอย่างยิ่งให้ระบุมูลค่าเฉพาะธุรกรรมสําหรับ Conversion แต่ละรายการเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าที่มีราคาต่างกัน และคุณต้องการเพิ่มรายได้ทั้งหมดให้มากที่สุด
  • ใช้กฎมูลค่า Conversion เพื่อให้บัญชีได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมูลค่า (เช่น จำนวนที่แตกต่างกันของผู้ใช้ประเภทต่างๆ หรือการพิจารณามูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า) ข้อมูลนี้ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยกําหนดมูลค่าที่สูงขึ้นหรือต่ำลงสําหรับลูกค้า อุปกรณ์ สถานที่ตั้ง การเข้าชมร้านค้า หรือยอดขายในร้านประเภทต่างๆ

 

Dollar sign icon

วางแผนงบประมาณเนิ่นๆ แต่เตรียมพร้อมสำหรับการขายเพิ่มเติม

ใช้เครื่องมือวางแผนประสิทธิภาพเพื่อระบุงบประมาณและกลยุทธ์การเสนอราคาที่จะเพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุด
  • ใช้เครื่องมือวางแผนประสิทธิภาพเพื่อดูประสิทธิภาพที่แคมเปญอาจทำได้ในแต่ละเดือนและไตรมาส เครื่องมือนี้จะให้แนวคิดในการปรับปรุงโฆษณาให้ทํางานได้ดีขึ้นโดยใช้ค่าใช้จ่ายเท่าเดิม โดยจะแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายงบประมาณหรือราคาเสนอส่งผลต่อผลลัพธ์อย่างไร
  • เครื่องมือวางแผนประสิทธิภาพยังพิจารณาถึงเทศกาลประจำปี เช่น วันหยุด เพื่อให้คุณพบโอกาสในการสร้าง Conversion มากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
สํารวจการคาดการณ์ดีมานด์เพื่อคว้าโอกาสเมื่อมีดีมานด์เพิ่มขึ้น
  • การคาดการณ์ดีมานด์ช่วยให้ทราบแนวโน้มที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นกับธุรกิจของคุณ เพื่อให้คุณวางแผนกำหนดงบประมาณและกลยุทธ์การเสนอราคาได้อย่างเหมาะสม
  • ตรวจสอบว่าน่าจะเริ่มมีดีมานด์เพิ่มขึ้นเมื่อใด: คุณอาจทราบอยู่แล้วว่ามีเทศกาลใดบ้างที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ เช่น แบล็คฟรายเดย์ ดูการคาดการณ์ว่าจะมีดีมานด์เพิ่มมากเพียงใดสําหรับผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลสําคัญประจำปีดังกล่าว
  • ระบุเหตุการณ์ใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ: อาจมีเหตุการณ์ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่ส่งผลให้มีดีมานด์เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการที่คุณเสนอ ตรวจสอบเหตุการณ์เหล่านี้และพิจารณาปรับแคมเปญเพื่อรองรับดีมานด์
ดูคําแนะนําเพื่อให้ทราบเคล็ดลับในการกำหนดงบประมาณ เสนอราคา และอื่นๆ
  • ตรวจสอบคะแนนการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้ทราบว่าแคมเปญมีโอกาสเติบโตได้อีกเท่าใด คะแนนที่สูงขึ้นหมายความว่าโฆษณาทํางานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ให้ดูคําแนะนําเพื่อดูแนวคิดในการปรับปรุงโฆษณา
  • ตัวอย่างเช่น คุณอาจเห็นคําแนะนําให้เพิ่มหรือกระจายงบประมาณใหม่สําหรับการเข้าชมที่จะเพิ่มขึ้น เมื่อการจําลองของเราแสดงให้เห็นว่าคุณอาจพลาดผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า หรือโฆษณาอาจหยุดทํางานในวันที่ได้รับการเข้าชมมากที่สุด
  • คุณยังจะเห็นและใช้คําแนะนําอื่นๆ เพื่อปรับปรุงแคมเปญได้ด้วย เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ลูกค้าใหม่
ใช้การปรับเฉพาะช่วงเวลาสําหรับกิจกรรมโปรโมชันระยะสั้นหรือกิจกรรมอื่นๆ
  • หากคุณคาดว่าอัตรา Conversion จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงเวลาสั้นๆ ให้ใช้การปรับเฉพาะช่วงเวลาเพื่อเตรียมพร้อม การปรับเฉพาะช่วงเวลาเหมาะสําหรับเหตุการณ์ระยะสั้นที่เกิดขึ้นไม่บ่อย ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตรา Conversion เปลี่ยนแปลงอย่างมาก (เช่น มากกว่า 30%) ในระยะเวลาสั้นๆ (ไม่ถึง 7 วัน) ตัวอย่างเช่น การลดราคาครั้งใหญ่ระยะเวลา 3 วัน หรือช่วงสุดสัปดาห์แบล็คฟรายเดย์
  • คุณใช้การปรับเฉพาะช่วงเวลาได้กับแคมเปญที่ทํางานมาระยะหนึ่งแล้วเท่านั้น เนื่องจากต้องใช้ประวัติ Conversion ที่ผ่านมา
  • หากคุณจะจัดโปรโมชันระยะยาวหรือคาดว่าอัตรา Conversion จะมีการเปลี่ยนแปลงน้อย เราขอแนะนําให้ปรับ ROAS เป้าหมายหรือ CPA ที่ตั้งไว้ด้วยตนเองเพื่อช่วยให้ Smart Bidding จัดการกับการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา

 

Structure icon


สร้างแคมเปญให้ประสบความสําเร็จ

ทําให้การตั้งค่าแคมเปญง่ายขึ้นเพื่อให้ AI ของ Google เรียนรู้ได้เร็วขึ้น
  • เมื่อเริ่มแคมเปญ Performance Max ใหม่ คุณควรทำให้โครงสร้างแคมเปญเรียบง่ายที่สุด AI ของ Google จะทํางานได้ดีที่สุดเมื่อสามารถทําให้โฆษณาดีขึ้นในทุกตําแหน่งโดยใช้งบประมาณแบบรวม
กรณีที่ควรสร้างหลายแคมเปญ
  • บางครั้งคุณอาจต้องใช้แคมเปญโฆษณา Performance Max แยกกัน ตัวอย่างเช่น คุณอาจมีแคมเปญที่แตกต่างกันสำหรับรายการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประเทศหรือภาษา งบประมาณ หรือ ROAS เป้าหมายสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ผลิตภัณฑ์ขายดี ช่วงเทศกาล หรือร้านค้าแต่ละแห่ง
  • ในช่วงวันหยุด คุณอาจต้องการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์บางประเภท คุณสามารถสร้างแคมเปญ Performance Max แยกกันสําหรับผลิตภัณฑ์เหล่านั้นได้
  • คุณอาจต้องการ 1 แคมเปญสําหรับผลิตภัณฑ์ช่วงวันหยุด 1 แคมเปญสําหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง และ 1 แคมเปญสําหรับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมด ในกรณีเช่นนี้ การตั้ง ROAS เป้าหมายให้ต่ำลงจะช่วยให้ลูกค้าจำนวนมากขึ้นเห็นผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนถึงช่วงที่มีการเลือกดูสูงสุดด้วย
กรณีที่ควรใช้หลายกลุ่มชิ้นงานในแคมเปญเดียว
  • สร้าง "กลุ่มชิ้นงาน" หลายกลุ่มภายในแคมเปญเดียวกันเพื่อรวบรวมชิ้นงานที่ควรแสดงในโฆษณาเป็นชุดหรือธีม เช่น กลุ่มชิ้นงานที่แตกต่างกันสําหรับจานกับถ้วย
  • คุณอาจยังต้องสร้างกลุ่มชิ้นงานเพิ่มเติมในกรณีที่ชิ้นงานบางรายการเกี่ยวข้องกับลูกค้ากลุ่มหนึ่งๆ มากกว่าด้วย ตัวอย่างเช่น คุณอาจต้องการชิ้นงานที่แตกต่างกันสําหรับกลุ่มเป้าหมายตามการจับคู่ข้อมูลลูกค้าที่ซื้อจักรยาน เนื่องจากตอนนี้คุณต้องการขายหมวกกันน็อคจักรยานให้กับลูกค้าดังกล่าว
  • กําหนดเป้าหมายผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันด้วยกลุ่มชิ้นงานแต่ละกลุ่ม เช่น ผลิตภัณฑ์ A-L ในกลุ่มชิ้นงาน 1 และผลิตภัณฑ์ M-Z ในกลุ่มชิ้นงาน 2
  • สําหรับช่วงวันหยุด เราขอแนะนําให้สร้างกลุ่มชิ้นงานใหม่สําหรับวันหยุดนั้นโดยเฉพาะภายในแคมเปญที่มีอยู่ วิธีนี้จะช่วยรักษายอดขายผลิตภัณฑ์ปกติและช่วยให้ยอดขายในช่วงวันหยุดดีขึ้น คุณควรอัปโหลดโฆษณาและกลุ่มชิ้นงานใหม่สําหรับช่วงวันหยุดล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์เพื่อให้ได้รับอนุมัติทันเวลา
  • ใช้การตั้งเวลากลุ่มชิ้นงานเพื่อเปิดใช้งานกลุ่มชิ้นงานสำหรับเทศกาลหรือสำหรับบางช่วงเวลาเมื่อถึงเวลาที่ระบุ ตัวอย่างเช่น คุณอาจวางแผนใช้ชิ้นงานธีมเทศกาลชุดใหม่ก่อนการลดราคาหรือโปรโมชันพิเศษทั่วทั้งเว็บไซต์

 

Download icon


ให้ข้อมูลสําคัญแก่ AI ของ Google เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

ใช้กลยุทธ์การเสนอราคาตามมูลค่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยใช้งบประมาณที่ตั้งไว้
  • หลังจากที่คุณกําหนดมูลค่าให้กับ Conversion ให้ใช้กลยุทธ์การเสนอราคาตามมูลค่าที่ตรงกับเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ ใช้การเสนอราคาแบบเพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุดเพื่อช่วย AI ของ Google เพิ่มมูลค่า Conversion ทั้งหมดของแคมเปญให้สูงสุดโดยอยู่ในงบประมาณรายวัน
  • ตั้ง ROAS เป้าหมายที่จะทําให้ได้ผลกําไรสูงสุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น โดยคำนึงถึงราคาผลิตภัณฑ์และมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า
เข้าถึงลูกค้าใหม่ด้วยเป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่
  • ใช้เป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่เพื่อเพิ่มรายได้สูงสุด พร้อมทั้งดึงดูดลูกค้าใหม่มายังธุรกิจให้มากขึ้น
  • เลือกโหมดเพิ่มมูลค่าลูกค้าใหม่เพื่อให้แคมเปญทำงานได้ดีขึ้น แล้วมุ่งเน้นและเสนอราคาที่สูงขึ้นสําหรับลูกค้าใหม่ ในขณะเดียวกันก็ยังคงเพิ่มยอดขายจากลูกค้าเดิมให้สูงสุด
  • นอกจากนี้ยังมีรุ่นเบต้าที่เรียกว่า "การได้ลูกค้าใหม่ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ลูกค้าที่มีมูลค่าสูง" ด้วย ซึ่งจะช่วยให้คุณมุ่งเน้นที่ลูกค้าใหม่ซึ่งคาดว่าจะใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเมื่อเวลาผ่านไป ในขณะเดียวกันก็ยังคงมุ่งเน้นที่การได้ลูกค้าใหม่ปกติและรักษาลูกค้าเดิมไว้ โปรดติดต่อทีมดูแลลูกค้า Google หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
  • เลือกโหมด "เฉพาะลูกค้าใหม่" หากต้องการได้ลูกค้าใหม่เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้โหมดนี้ คุณอาจพลาดยอดขายจากลูกค้าที่เคยซื้อจากคุณไปแล้ว และอาจไม่ซื้ออีกหากไม่ได้ดูโฆษณา โหมดเฉพาะลูกค้าใหม่เหมาะสําหรับบางสถานการณ์เท่านั้น เช่น คุณมีงบประมาณเฉพาะสําหรับการได้ลูกค้าใหม่
  • ระบุแหล่งข้อมูลให้มากที่สุดเพื่อให้ทราบอย่างชัดเจนว่าเป็นลูกค้าใหม่หรือลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำ แจ้งคำจำกัดความของ "ลูกค้าใหม่" ด้วยการติดแท็กเว็บไซต์ (แท็กที่ติดทั่วเว็บไซต์และพารามิเตอร์ลูกค้าใหม่) ให้รายชื่อลูกค้าเดิมซึ่งได้จากบุคคลที่หนึ่งผ่านการจับคู่ข้อมูลลูกค้า รวมถึงเลือกใช้รายชื่อลูกค้าที่อิงตาม Conversion
เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมโดยใช้ประโยชน์ของข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่ง
  • เพิ่มสัญญาณของกลุ่มเป้าหมายที่จะช่วยให้ AI ของ Google พบลูกค้าที่เกี่ยวข้องและเพิ่มจํานวน Conversion ได้
  • ข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งที่ได้รับความยินยอมจากผู้ที่เคยซื้อซึ่งแชร์ผ่านการจับคู่ข้อมูลลูกค้าเป็นสัญญาณของกลุ่มเป้าหมายประเภทที่มีคุณค่าที่สุด กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่มีประโยชน์ในการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับข้อความค้นหา, URL ของเว็บไซต์ และแอปที่ลูกค้ามักมีส่วนร่วม
  • อัปเดตรายการเหล่านี้เป็นประจำเพื่อให้แคมเปญเลือกสิ่งที่ดีที่สุดตามข้อมูลล่าสุด
สร้างโฆษณาให้มีความหลากหลายและเพิ่มชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณาให้มากที่สุดเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
  • หากคุณมีเป้าหมายยอดขายออนไลน์ ระบบจะใช้ฟีดผลิตภัณฑ์เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างและแสดงโฆษณา เราขอแนะนําให้เพิ่มชิ้นงานข้อความ รูปภาพ และวิดีโอที่หลากหลายด้วย แล้วรีเฟรชเป็นประจํา วิธีนี้ช่วยให้แคมเปญ Performance Max แสดงในพื้นที่โฆษณาที่มีสิทธิ์ได้มากขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • หากมุ่งเน้นที่เป้าหมายของร้านค้า คุณต้องใส่ชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณาทุกประเภท ได้แก่ บรรทัดแรก คําอธิบาย รูปภาพ โลโก้ วิดีโอ คํากระตุ้นให้ดำเนินการ ชื่อธุรกิจ และ URL สุดท้าย
  • ตอนนี้เราได้ผสานรวมเครื่องมือ Video Creation ไว้ในเวิร์กโฟลว์การสร้างและแก้ไขแคมเปญ Performance Max เพื่อช่วยให้การจัดทำโฆษณาวิดีโอคุณภาพสูงง่ายขึ้น
    • หมายเหตุ: หากไม่ได้ให้ครีเอทีฟโฆษณาวิดีโอของคุณเอง ระบบอาจสร้างวิดีโออย่างน้อย 1 รายการให้โดยอัตโนมัติเพื่อช่วยกระตุ้น Conversion จำนวนมากขึ้นจากพื้นที่โฆษณานี้ วิดีโอเหล่านี้จะสร้างจากชิ้นงานข้อความ รูปภาพ และฟีดผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ เพื่อให้วิดีโอมีความเกี่ยวข้องและคุณภาพสูงสุด
หมายเหตุ: การปรับแต่งข้อความเดิมเรียกว่าชิ้นงานที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ
เปิดการปรับแต่งข้อความและ Final URL Expansion เพื่อเพิ่มยอดขายจาก Search
  • ก่อนอื่น ให้เปิดการปรับแต่งข้อความไว้เสมอ เนื่องจากจะช่วยให้ Google สร้างบรรทัดแรกและคําอธิบายที่เกี่ยวข้องมากขึ้นซึ่งตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้กําลังค้นหามากขึ้น
  • จากนั้นเปิด Final URL Expansion ซึ่งจะช่วยให้คุณพบคําค้นหาใหม่ๆ ที่ทําให้เกิดยอดขาย ทั้งยังแทนที่ลิงก์เว็บไซต์หลักด้วยหน้าอื่นในเว็บไซต์ที่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการมากกว่า นอกจากนี้ Final URL Expansion ยังทําให้การปรับแต่งข้อความมีหน้า Landing Page ให้เลือกใช้มากขึ้น เพื่อช่วยในการสร้างโฆษณาที่เกี่ยวข้องและมีความหลากหลายยิ่งขึ้น
  • หากจำเป็นต้องใช้การยกเว้นกับ Final URL Expansion ให้ใช้กฎการยกเว้น URL หรือพารามิเตอร์ของ URL, คีย์เวิร์ดเชิงลบระดับบัญชี และการยกเว้นแบรนด์ระดับแคมเปญ
    • หมายเหตุ: Final URL Expansion ใช้ไม่ได้กับแคมเปญที่เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อเป้าหมายของร้านค้าเท่านั้น

 

Bar graph


ใช้การรายงานและข้อมูลเชิงลึกเพื่อประเมินผลลัพธ์

ทําความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของประสิทธิภาพ
  • เมื่อใช้การรายงานกลุ่มชิ้นงานที่ดีขึ้น คุณจะดู Conversion, มูลค่า Conversion, ต้นทุน และเมตริกอื่นๆ อีกหลายรายการได้ในระดับกลุ่มชิ้นงาน ดูว่ากลุ่มชิ้นงานต่างๆ มีผลต่อประสิทธิภาพอย่างไร และคุณควรปรับปรุงด้านใด เช่น การเพิ่มชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณาหรือปรับปรุงชิ้นงานที่มีอยู่ให้ดีขึ้น
  • อ่านคำอธิบายเพื่อทําความเข้าใจสาเหตุที่ประสิทธิภาพโฆษณาเปลี่ยนแปลง คำอธิบายจะบอกสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงที่สําคัญและแนะนําสิ่งที่ต้องทำเพื่อแก้ไขปัญหาและปรับปรุงประสิทธิภาพ
  • สัญญาณที่โดดเด่นที่สุดในรายงานกลยุทธ์การเสนอราคายังช่วยให้ทราบปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของโฆษณาด้วย สัญญาณนี้อาจรวมถึงสิ่งต่างๆ เช่น ประเภทอุปกรณ์ที่ใช้ สถานที่ตั้ง วันในสัปดาห์ ช่วงเวลาของวัน ข้อความค้นหา และกลุ่มเป้าหมายตามการจับคู่ข้อมูลลูกค้า
  • ดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพเพื่อให้ทราบว่ากลุ่มชิ้นงาน ผลิตภัณฑ์ และประเภทผลิตภัณฑ์ใดกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพ
ดูว่าชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณาใดทํางานได้ดี
  • ใช้คุณภาพของโฆษณาเพื่อดูว่าชิ้นงานมีคุณภาพ "ต่ำ" "ดี" หรือ "ดีที่สุด" เมตริกนี้ยังบอกให้ทราบด้วยว่าต้องเพิ่มชิ้นงานใหม่เพื่อให้ AI ของ Google ใช้หรือไม่ หากมีชิ้นงานครบจํานวนสูงสุดที่อนุญาตแล้ว คุณสามารถเปลี่ยนชิ้นงานที่มีคุณภาพต่ำกว่าเป็นชิ้นงานใหม่ที่มีคุณภาพสูงขึ้นได้
  • ใช้รายงานชุดค่าผสมเพื่อทําความเข้าใจกลุ่มชิ้นงานแบบผสมที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดสําหรับกลุ่มชิ้นงานแต่ละกลุ่ม รายงานนี้ยังช่วยให้ทราบด้วยว่าระบบจะใช้โฆษณาแบบข้อความ โฆษณาแบบรูปภาพ และโฆษณาวิดีโอแต่ละรายการในสไตล์โฆษณาต่างๆ อย่างไร
  • สํารวจข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายเกี่ยวกับชิ้นงานเพื่อดูว่าโฆษณาใดทํางานกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มได้ดีที่สุด ใช้ข้อมูลนี้เพื่อช่วยสร้างโฆษณาใหม่ที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ทําความเข้าใจลูกค้าที่มีคุณค่าสูงและค้นพบลูกค้าใหม่ๆ
  • ดูข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้ทราบความสนใจและพฤติกรรมยอดนิยมของลูกค้าที่ทํา Conversion ในแคมเปญ Performance Max และดูว่ากลุ่มเป้าหมายใดทํา Conversion ในอัตราที่สูงกว่า
  • ทําความเข้าใจข้อมูล Conversion ของกลุ่มที่คุณป้อนเป็นสัญญาณของกลุ่มเป้าหมายโดยดูที่กลุ่มที่มีป้ายกํากับ "สัญญาณ" มุ่งเน้นกลุ่มที่ทำเครื่องหมายว่า "เพิ่มประสิทธิภาพ" เพื่อดูกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ AI ของ Google ช่วยค้นหาซึ่งคุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
สํารวจวิธีที่ลูกค้าค้นหา
  • ใช้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับข้อความค้นหาเพื่อดูสิ่งที่ลูกค้าค้นหา ตอนนี้คุณเลือกวันที่ที่กําหนดเองเพื่อดูข้อมูลเชิงลึกที่ผ่านมาได้แล้ว
  • คุณสามารถดูเทรนด์การค้นหาเพื่อให้ทราบว่าคุณตามทันดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นในหมวดหมู่ที่สําคัญต่อธุรกิจหรือไม่ ใช้ข้อมูลเชิงลึกนี้ในการวางแผนงบประมาณ พื้นที่โฆษณา โปรโมชัน และหน้า Landing Page ตามสิ่งที่ลูกค้ากําลังค้นหา
ดูรายงานสําหรับธุรกิจค้าปลีก
  • ดูรายงานที่สร้างขึ้นเพื่อธุรกิจค้าปลีก ใช้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในหน้าผลิตภัณฑ์ของ Google Ads ข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณหาวิธีปรับปรุงผลิตภัณฑ์แต่ละรายการให้ดียิ่งขึ้นตามยอดขายที่เป็นไปได้ นอกจากนี้ คุณยังทําการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้นด้วยคําแนะนําที่นําไปใช้ได้จริง รวมถึงใช้แท็บการวินิจฉัยเพื่อค้นหาและแก้ไขปัญหาที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์แต่ละรายการได้ด้วย
  • เมื่อดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับหมวดหมู่ในหน้าผลิตภัณฑ์ของ Google Ads คุณจะเห็นว่าหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ใดมาแรง และสามารถเปลี่ยนระดับรายละเอียดในการดูหมวดหมู่และหมวดหมู่ย่อยเหล่านี้ได้ด้วย
  • ดูผลิตภัณฑ์ขายดีในรายงานผลิตภัณฑ์ยอดนิยมใน Google Merchant Center เพื่อให้ทราบว่าลูกค้าต้องการแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใด จากนั้นก็เลือกผลิตภัณฑ์ที่จะให้แสดงในโฆษณามากที่สุด
  • ใช้รายงานความสามารถในการแข่งขันด้านราคาใน Google Merchant Center เพื่อดูว่าคู่แข่งกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันอย่างไรตามประเภท ประเทศ และแบรนด์ ใช้ข้อมูลนี้ในการปรับปรุงแผนการกำหนดราคาและการเสนอราคาให้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด

แนวทางปฏิบัติแนะนำ

ดูแนวทางปฏิบัติแนะนำเพิ่มเติมได้ในบทความต่อไปนี้


ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
false
Achieve your advertising goals today!

Attend our Performance Max Masterclass, a livestream workshop session bringing together industry and Google ads PMax experts.

Register now

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
15374836246280496613
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
true
73067
false
false
false
true
false