คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง

ดูคําตอบสําหรับคําถามที่พบบ่อยหรือการแก้ปัญหาเกี่ยวกับโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง

เมื่อใช้การปกป้องขั้นสูง คุณต้องลงชื่อเข้าใช้ด้วยพาสคีย์หรือคีย์ความปลอดภัย เนื่องจากเป็นวิธีการลงชื่อเข้าใช้ที่ปลอดภัยกว่า

นอกจากนี้ การปกป้องขั้นสูงยังจำกัดการเข้าถึงข้อมูลแอปของบุคคลที่สาม ตรวจสอบการดาวน์โหลดที่น่าสงสัยอย่างเข้มงวดมากขึ้น และยกระดับความปลอดภัยในการกู้คืนบัญชีเพื่อช่วยป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

คุณใช้โปรแกรมการปกป้องขั้นสูงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่คุณอาจต้องซื้อคีย์ความปลอดภัย หากเลือกใช้

ได้ หากคุณมีความเสี่ยงสูงที่จะตกเป็นเป้าโจมตีทางออนไลน์ เราขอแนะนำให้ลงทะเบียนทั้งบัญชีงานและบัญชีส่วนตัว

• เพิ่มอีเมลและหมายเลขโทรศัพท์สำหรับการกู้คืนในบัญชี Google เพื่อช่วยกู้คืนบัญชีในกรณีที่คุณเข้าบัญชีไม่ได้ 
• เปิดการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนในบัญชี Google
• สั่งซื้อคีย์ความปลอดภัยอย่างน้อย 1 อัน หากเลือกใช้และยังไม่มี

ได้ หากผู้ดูแลระบบเปิดใช้การปกป้องขั้นสูง โปรดสอบถามผู้ดูแลระบบก่อนลงทะเบียน ผู้ดูแลระบบลงทะเบียนทุกบัญชีในองค์กรได้ด้วย

สำหรับองค์กรที่อาจตกเป็นเป้าหมาย เช่น ทีมแคมเปญทางการเมือง กลุ่มนักเคลื่อนไหว หรือแผนกไอที เราขอแนะนำให้คุณอนุญาตให้ผู้ใช้ทุกคนลงทะเบียนได้และสนับสนุนให้ผู้ใช้ลงทะเบียนด้วย โปรดทราบว่าการลงทะเบียนยังขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ใช้ และในฐานะผู้ดูแลระบบ คุณยังไม่สามารถบังคับให้ผู้ใช้ทุกคนลงทะเบียนได้ในขณะนี้

พาสคีย์เป็นทางเลือกที่ใช้งานง่ายและปลอดภัยแทนการใช้รหัสผ่าน เมื่อใช้พาสคีย์ คุณจะลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ได้ด้วยลายนิ้วมือ การสแกนใบหน้า หรือการล็อกหน้าจอของอุปกรณ์ เช่น PIN คุณสร้างพาสคีย์ได้ในโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หรือคีย์ความปลอดภัยแบบฮาร์ดแวร์ สร้างพาสคีย์

คีย์ความปลอดภัยแบบฮาร์ดแวร์เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของคุณผ่านพอร์ต USB หรือระบบไร้สายผ่าน NFC ซึ่งจะช่วยปกป้องบัญชีจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต เมื่อเปิดการปกป้องขั้นสูงไว้ คุณต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชีด้วยคีย์ความปลอดภัยหากเลือกใช้รหัสผ่านแทนพาสคีย์ สั่งซื้อคีย์ความปลอดภัยแบบฮาร์ดแวร์

เคล็ดลับ: หากสร้างพาสคีย์ คุณจะข้ามการตรวจสอบสิทธิ์ขั้นตอนที่ 2 เนื่องจากวิธีนี้เป็นการยืนยันว่าคุณมีอุปกรณ์ไว้ในครอบครอง หากต้องการใช้รหัสผ่านเสมอ ให้เปลี่ยนค่ากำหนดเริ่มต้นนี้ในการตั้งค่าบัญชี

พาสคีย์และคีย์ความปลอดภัยให้การป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดจากภัยคุกคามอย่างเช่นฟิชชิง พาสคีย์แตกต่างจากรหัสผ่านตรงที่จะอยู่ในอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น การจดบันทึกหรือให้พาสคีย์แก่ผู้ไม่ประสงค์ดีโดยไม่ตั้งใจจะไม่มีทางเกิดขึ้น เมื่อคุณใช้พาสคีย์หรือคีย์ความปลอดภัยเพื่อลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google จะเป็นการพิสูจน์ให้ Google ทราบว่าคุณมีสิทธิ์เข้าถึงและสามารถปลดล็อกอุปกรณ์ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโจมตีแบบฟิชชิง

หากเลือกใช้คีย์ความปลอดภัย เราขอแนะนำให้ใช้คีย์หลักร่วมกับคีย์สำรองอย่างน้อย 1 อัน โดยคุณสามารถซื้อคีย์ความปลอดภัย Titan จาก Google หรือใช้คีย์ใดก็ได้ที่เป็นไปตามข้อกำหนดของ FIDO จากผู้ค้าปลีกที่เชื่อถือได้รายอื่น ดูวิธีสั่งซื้อคีย์ความปลอดภัย

หากยังเข้าถึงบัญชีได้ ให้ทำดังนี้

1. ซื้อคีย์ความปลอดภัยสำหรับใช้เปลี่ยนทดแทนอย่างน้อย 1 อัน
2. ไปที่บัญชี Google
3. ในแผงการนำทางด้านซ้าย ให้คลิกความปลอดภัย
4. ในแผง "วิธีลงชื่อเข้าใช้ Google" ให้คลิกพาสคีย์และคีย์ความปลอดภัย
5. คลิกเพิ่มคีย์ความปลอดภัย เพิ่มคีย์ความปลอดภัยใหม่
6. ข้างคีย์ความปลอดภัยที่หายไป ให้เลือกแก้ไข นำคีย์นี้ออก

หากคุณไม่มีสิทธิ์เข้าถึงบัญชี ให้ทำดังนี้

1. ส่งคำขอกู้คืนบัญชี Google ใช้เวลา 2-3 วันเพื่อยืนยันตัวตนของคุณ
2. ระหว่างที่รอ ให้สั่งซื้อคีย์ความปลอดภัยสำหรับใช้เปลี่ยนทดแทนอย่างน้อย 1 อัน
3. คุณจะได้รับอีเมลที่ส่งไปยังอีเมลสำหรับการกู้คืนเพื่อแจ้งให้ทราบว่าเข้าถึงบัญชีได้แล้ว เมื่อได้รับการแจ้งเตือน ให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีอีกครั้ง
4. เปิดการปกป้องขั้นสูงอีกครั้ง

หากเลือกใช้คีย์ความปลอดภัย คุณควรเก็บคีย์ดังกล่าวไว้กับตัวทุกเมื่อที่คุณอาจต้องการลงชื่อเข้าใช้ในอุปกรณ์เครื่องใหม่

หากคุณจะเดินทาง ให้นำคีย์ความปลอดภัยติดตัวไปด้วย

คุณลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ในแอป Google และลงชื่อเข้าใช้ด้วยเบราว์เซอร์ Chrome ในคอมพิวเตอร์และเว็บบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้ แต่จะใช้บัญชี Google กับแอปและบริการบางอย่างที่ต้องมีการเข้าถึงอีเมลและข้อมูลใน Google ไดรฟ์ไม่ได้

คุณยังลงชื่อเข้าใช้แอปและบริการต่างๆ ด้วย Google ได้อยู่ แต่หากแอปและบริการเหล่านั้นขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลใน Gmail หรือไดรฟ์ ระบบจะปฏิเสธคําขอ

เคล็ดลับ: คุณให้สิทธิ์แอปที่รองรับบางแอปเข้าถึงข้อมูลใน Gmail หรือไดรฟ์ได้

ใช่ Nest ใช้ได้กับบัญชี Google รวมถึงบัญชีที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง คุณย้ายข้อมูลบัญชี Nest ไปยังบัญชี Google ได้เพื่อช่วยให้คุณจัดการอุปกรณ์ Google Nest และ Google Home ทั้งหมดได้

ดูข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของอุปกรณ์และบริการสำหรับบ้านที่เชื่อมต่อของ Google Nest ได้ที่คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว

แชร์กับสมาชิกในบ้านคนอื่นๆ ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

ทำตามคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ Google Nest และ Google Home

1. เพิ่มสมาชิกในบ้านที่คุณเชื่อถือเท่านั้น โปรดทราบว่า
   • สมาชิกในบ้านทุกคนจะเข้าถึงอุปกรณ์ บริการสื่อ ที่อยู่ และกิจกรรมในบ้านได้
   • สมาชิกในบ้านจะเพิ่มอุปกรณ์ใหม่ในบ้านได้
   • สมาชิกในบ้านจะเพิ่มหรือนำสมาชิกในบ้านคนอื่นออกได้รวมถึงคุณด้วย ทุกครั้งที่มีการเพิ่มสมาชิกใหม่ สมาชิกในบ้านทุกคนจะได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมล
2. หากบัญชี Google ของคุณลงทะเบียนในการปกป้องขั้นสูง เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้สมาชิกในบ้านทุกคนลงทะเบียนในการปกป้องขั้นสูงด้วย เพื่อให้ได้รับการปกป้องอย่างเท่าเทียมกันจากการเข้าถึงบัญชี Google และอุปกรณ์หรือบริการในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต

แอปและบริการที่ไม่ใช่ของ Google โดยส่วนใหญ่จะถูกบล็อก

การปกป้องขั้นสูงช่วยป้องกันไม่ให้แอปและบริการที่ไม่ใช่ของ Google โดยส่วนใหญ่เข้าถึงข้อมูลของคุณได้ เช่น ข้อมูลใน Google ไดรฟ์และ Gmail เป็นต้น วิธีนี้ทำให้ข้อมูลดังกล่าวได้รับการปกป้องจากการเข้าถึงที่เป็นอันตรายหรือไม่ปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น

หลังจากเปิดการปกป้องขั้นสูงแล้ว คุณอนุญาตให้แอปและบริการเหล่านี้เข้าถึงข้อมูลใน Google ของคุณได้

• แอปและบริการทั้งหมดของ Google
• Apple Mail, ปฏิทิน และแอปรายชื่อติดต่อใน iOS และ macOS
• Mozilla Thunderbird
• โปรแกรมรับส่งอีเมลในเดสก์ท็อปที่เข้าถึง Gmail โดยตรง

อนุญาตให้แอปที่ไม่ใช่ของ Google เข้าถึงข้อมูลของคุณใน Google

แอปของ Apple ใน iOS

คุณอนุญาตให้แอปของ Apple บางแอปเข้าถึงข้อมูลในบัญชี Google และ Gmail ได้ ตรวจสอบว่าคุณใช้แอปเวอร์ชันล่าสุดและทําตามวิธีการในแอปเพื่ออนุญาตให้ iOS เข้าถึงบัญชี Google คุณอาจต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ในระหว่างขั้นตอนนี้

Mozilla Thunderbird

คุณใช้ Mozilla Thunderbird เพื่อเข้าถึงบัญชี Gmail ได้ โดยต้องใช้ Thunderbird เวอร์ชันล่าสุด (60.0 ขึ้นไป)

Apps Script อาจถูกบล็อก

คุณจะใช้ Apps Script ได้หากลงทะเบียนใช้การปกป้องขั้นสูง หากสคริปต์ขอเข้าถึงข้อมูลบางอย่างในบัญชี เช่น อีเมล เอกสาร หรือรูปภาพ ระบบอาจบล็อกสคริปต์ดังกล่าว

คุณใช้การปกป้องขั้นสูงกับ Mac ที่ใช้ macOS 10.5 ขึ้นไปได้ หากต้องการเพิ่มคีย์ความปลอดภัย ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

• ในคอมพิวเตอร์ ให้ไปที่ค่ากำหนดของระบบ
• คลิกบัญชีอินเทอร์เน็ตGoogle
• ทำตามวิธีการเพื่อลงชื่อเข้าใช้

ไม่ได้ แอปที่ใช้รหัสผ่านสำหรับแอปแทนการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนจะถูกบล็อกไว้สำหรับผู้ใช้ที่มีการปกป้องขั้นสูง เมื่อลงทะเบียนใช้งานการปกป้องขั้นสูง ระบบจะเพิกถอนรหัสผ่านสำหรับแอปที่ใช้อยู่

หากต้องการตั้งค่าคีย์ความปลอดภัยในคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Linux คุณอาจต้องเพิ่มกฎ udev ใหม่

1. ไปที่ไดเรกทอรี /etc/udev/rules.d
2. สร้างไฟล์ใหม่สำหรับคีย์ความปลอดภัย
3. ตั้งชื่อไฟล์
   • เช่น 70-key.rules
4. วางคำสั่งสำหรับเวอร์ชัน udev ของคุณในไฟล์ที่สร้างขึ้นใหม่นั้น หากไม่ทราบเวอร์ชัน udev ให้เรียกใช้คำสั่ง sudo udevadm --version
   • udev เวอร์ชัน 188 ขึ้นไป: KERNEL=="hidraw*", SUBSYSTEM=="hidraw", ATTRS{idVendor}=="18d1|096e", ATTRS{idProduct}=="5026|0858|085b", TAG+="uaccess"
   • udev เวอร์ชัน 187 หรือต่ำกว่า: KERNEL=="hidraw*", SUBSYSTEM=="hidraw", ATTRS{idVendor}=="18d1", ATTRS{idProduct}=="5026", GROUP="plugdev", MODE="0660"
5. บันทึกไฟล์และเรียกใช้คำสั่ง sudo udevadm control --reload-rules

รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์และเพิ่มคีย์ความปลอดภัยลงในบัญชี Google

ดาวน์โหลดไฟล์ที่ Chrome เตือนคุณต่อไป

คุณปิดการปกป้องขั้นสูงได้ในบัญชี Google

1. ไปที่ส่วน "ความปลอดภัย" ของบัญชี Google โดยใช้อุปกรณ์ที่ลงชื่อเข้าใช้แล้ว
2. ในส่วน "โปรแกรมการปกป้องขั้นสูง" ให้เลือกยกเลิกการลงทะเบียน
3. ทำตามวิธีการบนหน้าจอเพื่อยกเลิกการลงทะเบียน

วิธีลงชื่อเข้าใช้ Android TV หลังจากเปิดการปกป้องขั้นสูง

1. นำบัญชี Google ออกจาก Android TV
2. เพิ่มบัญชี Google ใน Android TV อีกครั้ง แล้วเลือกตัวเลือกเพื่อตั้งค่าด้วยโทรศัพท์ที่ใช้เครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน